top of page
self-esteem course cover blog page.jpg
  • พิชาวีร์ เมฆขยาย, นักจิตวิทยาองค์กร

5 วิธีเตรียมใจทางจิตวิทยาเพื่อรับมือกับข่าวร้ายที่ไม่คาดฝัน


ในระยะนี้คนไทย รวมถึงคนทั้งโลกต้องเผชิญกับความปั่นป่วนมากมาย ทั้งโรคระบาด COVID-19 ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ อาชญากรรม รวมถึงปัญหาชีวิตส่วนตัวอีกหลากหลาย ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับทั้งความเครียด รวมถึงผลกระทบที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างกระทันหันอีกด้วย เช่น ถูกเลิกจ้าง หรือค้าขายยอดตกลูกค้าหายเกลี้ยง ทั้งที่หนี้รออยู่เพียบ เป็นต้น สืบเนื่องจากคลิปใน Youtube ของแวนที่ชื่อ 5 คุณสมบัติของคนที่มักเอาชนะความยากลำบากในชีวิตได้เสมอ (Link https://youtu.be/NYuQUDYqNZI) ซึ่งแวนคิดว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ดีทีเดียวกับกรณีนี้ ซึ่งขอสรุปและแนะนำในเชิงของการนำมาใช้ในการเตรียมใจทางจิตวิทยาเพื่อรับมือกับข่าวร้ายที่ไม่คาดฝัน ก่อนที่จะมีสติและกำลังใจเพื่อไปดำเนินการแก้ไขปัญหาชีวิตในขั้นอื่น ๆ ต่อไป ดังนี้

1) ตั้งสติและยอมรับความจริงให้ได้ ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว (common sense) แต่บางคนสติแตกเมื่อเจอกับข่าวร้ายที่ไม่คาดฝัน บางคนไม่เคยเผื่อใจว่าจะเจอ ไม่ได้วางแผนเตรียมตัวมาก่อน บางคนจมไม่ลง บางคนรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ บางคนปรับตัวไม่เป็น ดังนั้นคนที่จะรอดคือคนที่กล้าหยุด ละทิ้งจากทุกอย่างชั่วคราว ตั้งสติ แล้วมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวตามความเป็นจริง เผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อค่อย ๆ แก้ไปทีละเปลาะ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดการหนีปัญหา เข้าหาสิ่งที่ทำให้สบายใจอย่างอื่น จนอาจทำให้เสียผู้เสียคนได้ แล้วยิ่งจะทำให้ชีวิตพังไปอีกเรื่อย ๆ 2) ทบทวนว่าได้บทเรียนอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง คนที่มักเอาตัวไม่รอด คือคนที่วางตัวเองในตำแหน่งเหยื่อที่ถูกกระทำ อ่อนแอ ไม่ต่อสู้ และเอาแต่ถามว่า “ทำไมต้องเป็นฉันๆๆๆ” แต่คนที่รอดได้ คือ คนที่ตั้งสติ แล้วมองหาว่าตนเองจะได้เรียนรู้ ได้บทเรียน หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังสอนหรือให้อะไรกับเขา แล้วกำลังใจมันจะต่างกัน กล่าวคือลองมองหาคุณค่า ความหมาย และประโยชน์ของสิ่งที่กำลังเผชิญ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นบทเรียนสอนเราทั้งสิ้น 3) ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขึ้นชื่อว่า “ไม่คาดฝัน” นั่นแปลว่า เป็นสิ่งที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่ได้วางแผนเตรียมไว้ หรือไม่ได้ทำใจรอไว้ เป็นสิ่งที่โดยปกติแล้วไม่ควรจะเกิด แต่ในความเป็นจริงคือ ทุกอย่างมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้หมด ทั้งเรื่องดีและไม่ดี คุณจึงจำเป็นต้องมีทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีทรัพยากรอะไรอยู่ในมืองัดออกมาใช้ ดึงความคิดสร้างสรรค์ออกมา คิดนอกกรอบ พยายามแก้ปัญหาเพื่อให้ตัวเองรอดผ่านมันไปให้ได้ ทีละเปลาะ

4) เชื่อในตัวเอง คิดพึ่งพาตัวเองก่อน ก่อนที่คิดจะพึ่งพาหรือขอความช่วยเหลือจากใคร ผลการวิจัยพบว่า คนที่เชื่อมั่นว่าตัวเองจะสามารถประคองตัวเองและแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ มีแนวโน้มสุขภาพจิตที่ดีกว่า และแก้ปัญหาได้มีประสิทธิผลมากกว่า การหวังพึ่งคนอื่นนั้นจะยิ่งทำให้อ่อนปวกเปียก หากยิ่งรู้สึกว่าไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยความรู้สึกจะยิ่งหมดหวัง ไร้ทางออกมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอเเรื่องไม่คาดฝัน แต่ทุกคนต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง และพึ่งตัวเองให้มาก จะหวังพึ่งแต่คนอื่นไม่ได้เลย

5) มีความหวังกับอนาคต ยอมรับความจริงไม่พอ แต่คุณยังต้องมีความหวังว่าจะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้แน่นอน เรื่องนี้ต้องอาศัยการมองโลกในแง่บวกด้วยส่วนหนึ่ง เพราะหากสิ้นหวังแล้ว คนเราก็จะไม่ดิ้นรนและพยายาม ความเสียหายก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมอาจได้การป่วยทางใจเพิ่มมาอีกด้วย เฉพาะคนที่ดิ้นรนจะมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่เขามีความหวังว่าจะออกไปจากตรงนั้นได้ ความหวังทำให้คุณต่อสู้และเพียรพยายาม ดังนั้น จงมองโลกในแง่ดีและมีความหวังกับชีวิตว่าสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะคลี่คลาย ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีเพื่อเตรียมรับมือไว้ เผื่อว่าวันใดวันหนึ่ง ตัวเองอาจเป็นคนที่ได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดฝันบ้างก็เป็นได้ ขอให้ทุกคนโชคดี จิตใจเข้มแข็ง และมีความสุขกับชีวิตค่ะ

bottom of page