top of page
self-esteem course cover blog page.jpg
  • พิชาวีร์ เมฆขยาย

ความฉลาดทางอารมณ์ ทักษะในยุค AI ที่เป็นมากกว่าแค่การควบคุมอารมณ์


อารมณ์

โลกการทำงานกำลังเปลี่ยนไป ในยุค Disruption ที่ยุ่งเหยิงและไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีและ AI ที่มาคอยแย่งงานของคนจำนวนมากไปอีก วิธีการวัดว่าใครจะอยู่รอดในโลกการทำงานไม่เหมือนเดิมอีก จากเดิมที่เราเคยพยายามจะวัดว่าแต่ละคนฉลาดแค่ไหน ผ่านการฝึกอบรมอะไรมา หรือเชี่ยวชาญด้านไหน (ซึ่ง AI ก็อาจจะทำได้ดีกว่าและเร็วกว่าไปแล้ว) แต่สิ่งที่สำคัญในยุคนี้กลับอยู่ที่ว่า ‘คนคนนั้นจัดการตัวเองและทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีแค่ไหน’ คำว่า “งานมั่นคง” ในยุคนี้ไม่มีอีกแล้ว คุณพร้อมที่จะถูกคัดออกได้ทุกเมื่อ หากทักษะที่คุณต้องใช้ทำงานนั้นสามารถถูกแทนที่ด้วยคนอื่นหรือสิ่งอื่นได้ ดังนั้น คนที่สามารถบริหารตัวเองได้ดีในทุกด้านจะมีสิทธิ์อยู่อย่างมั่นคงในยุคนี้ได้มากกว่า ซึ่งสิ่งนี้คือความฉลาดทางอารมณ์ คนที่ประสบความสำเร็จในหลายๆ ระดับที่คุณรู้จักมากมายมักไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดหรือเชี่ยวชาญที่สุดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่กลับเป็นคนที่สามารถรักษาระดับความมุ่งมั่นไปจนตลอดรอดฝั่ง จิตใจที่ไม่ยอมแพ้ในตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคและเรื่องยุ่งยากต่างๆ หรือแม้กระทั่งคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้ในยามที่รู้สึกท้อแท้ ซึ่งเรื่องนี้ท้าพิสูจน์ได้โดยการลองไปหาศึกษาประวัติและที่มาของคนสำเร็จเหล่านั้น และลองนับดูว่าพวกเขาต้องผ่านความยากลำบาก ความล้มเหลว ความผิดพลาด และการถูกดูถูกมากแค่ไหน ความฉลาดทางอารมณ์ไม่ใช่แค่เรื่องของการควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ครอบคลุมไปจนกระทั่งการรู้จักตัวเอง ความสามารถโน้มน้าวใจตัวเอง การรู้ว่าคนอื่นกำลังรู้สึกและต้องการอะไรแม้เขาจะไม่ได้พูดออกมา และการมีทักษะที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งคนที่ขาดความฉลาดทางอารมณ์อาจจะบกพร่องไปบางเรื่อง เช่น บางคนไม่รู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองจึงไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ถูกจุด บางคนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้และตกเป็นทาสของอารมณ์อยู่ร่ำไป บางคนเข้ากับใครไม่ได้ อยู่กับใครก็ไม่รอดทำให้อยู่กับใครไม่ได้นาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ SME หรือการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ก็ล้วนแต่ต้องอาศัยความร่วมมือกันจากคนหลายคน ซึ่งสิ่งนี้เองที่เรียกว่า การทำงานเป็นทีม ในยุคนี้ One man show หรือเก่งแบบฉายเดี่ยวไม่มีทางอยู่รอด คนคนเดียวจะไม่สามารถทำงานใหญ่และแข่งขันกับธุรกิจอื่นได้เลย ในทางจิตวิทยาองค์กรปัจจุบันจึงต่างมุ่งหน้าศึกษาเรื่อง Group Intelligence หรือความฉลาดของทีม (ความฉลาดเมื่อหลายคนมาทำงานร่วมกัน) มากกว่า ความฉลาดส่วนบุคคล (Individual Intelligence) เสียด้วยซ้ำ

อะไรบ้างที่รวมอยู่ในความฉลาดทางอารมณ์ หากอ้างอิงตามกูรูด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) หรืออีคิว คือ Daniel Goleman จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือ ความสามารถส่วนตัว (คุณบริหารและรับมือตัวเองได้ดีแค่ไหน) และความสามารถทางสังคม (คุณบริหารและรับมือคนอื่นได้ดีแค่ไหน) ที่แยกความสามารถออกเป็น 5 ด้านหลักๆ คือ 1. ความสามารถรู้จักตัวเอง (Self-awareness) คือ การรู้สภาวะอารมณ์ตัวเองและรู้ถึงผลกระทบของอารมณ์เหล่านั้น การรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองที่ใกล้เคียงความจริง และความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและมีความสามารถ 2. ความสามารถจัดการตัวเอง (Self-regulation) คือ การทำให้อารมณ์และแรงกระตุ้นอยู่ในระดับและขอบเขตที่เหมาะสม การรักษามาตรฐานทางศีลธรรม ความซื่อสัตย์ และความจริงใจ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความยืดหยุ่นให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความรู้สึกเปิดรับการไอเดียหรือแนวทางใหม่ๆ และข้อมูลใหม่ๆ 3. ความสามารถจูงใจตัวเอง (Motivation) คือ การปรับปรุงตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ความมุ่งมั่นตั้งใจจนจบงานหรือถึงเป้าหมาย ความพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ และการมองโลกในแง่บวกเพื่อฝ่าฟันปัญหาอุปสรรค 4. ความเข้าใจและเห็นใจคนอื่น (Empathy) คือ การสัมผัสได้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไร มีมุมมองอย่างไร การพัฒนาคนอื่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าตัว การอำนวยความสะดวกเพื่อให้คนอื่นได้ในสิ่งที่ต้องการ การอยู่กับคนที่แตกต่างจากตัวเอง และการเท่าทันการเมืองของกลุ่มที่อยู่ 5. ทักษะทางสังคม (Social Skills) คือ ความสามารถโน้มน้าวคนอื่นให้คล้อยตามได้ การรับฟังและสื่อสารให้คนเข้าใจ การบริหารความขัดแย้ง การทำงานร่วมกับคนอื่นแบบทีมได้ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ความฉลาดทางอารมณ์เป็นมากกว่าแค่การควบคุมอารมณ์ เป็นทักษะที่ยิ่งจะสำคัญขึ้นเรื่อยๆ แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องพัฒนาสิ่งนี้

 

ความฉลาดทางอารมณ์เรียนรู้ได้ คอร์สออนไลน์ เพื่อให้คนทำงานไปเรียนรู้วิธีพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษ 21 ของตัวเองในคอร์ส Emotional Intelligence for Life&Work Success ที่มีทั้งทำแบบทดสอบ ได้รายงานผลเพื่อเห็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนตัวเอง รวมทั้งจะมีโค้ชติดตามผลคนเรียนแต่ละคนหลังเรียนจบ ดูรายละเอียดได้ที่นี่

bottom of page